วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Channel Catfish Spawning and Hatchery Management

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Effective system to grow catfish (clarias batrichus)

วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

EYE-SPOT BARB กระสูบจุด


ชื่อไทยกะสูบจุด
ชื่อสามัญEYE - SPOT BARB
ชื่อวิทยาศาสตร์Hampala dispar
ถิ่นอาศัยพบในแม่น้ำลำคลอง หนองและบึง ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น แม่น้ำมูลที่อุบลราชธานี หนองหานจังหวัดสกลนคร แม่น้ำศรีสงครามจังหวัดนครพนม และห้วยหลวงจังหวัดอุดรธานี
ลักษณะทั่วไปเป็นปลารวมฝูง อยู่ในสกุลเดียวกับปลากะสูบขีด รูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกันมากแต่ขนาดเล็กกว่า ลักษณะที่แตกต่างไปจากกะสูบขีด คือ ครีบหางเล็กและสั้น แฉกบนของครีบหางใหญ่กว่าแฉกล่าง หนวดที่ริมปากบนสั้นมาก ลักษณะที่เด่นอยู่ตรงที่มีจุดดำขนาดใหญ่อยู่กลางลำตัวข้างละจุด หางมีสีแดงเหมือนกะสูบขีด แต่ริมแฉกบนและล่างไม่มีแถบสีคล้ำ
การสืบพันธุ์-
อาหารธรรมชาติกินลูกกุ้ง ลูกปลาซึ่งมีขนาดเล็กกว่า
การแพร่กระจาย-
สถานภาพ (ความสำคัญ)เป็นอาหารได้ทั้งสดและแปรรูปทำเป็นปลาร้า ปลาเจ่า

ที่มาของข้อมูล : กรมประมง



TRANSERSE-BAR BARB กระสูบขีด



ชื่อไทยกะสูบขีด
ชื่อสามัญTRANSVERSE - BAR BARB
ชื่อวิทยาศาสตร์Hampala macrolepidota
ถิ่นอาศัยพบในแม่น้ำลำคลองทั่วไป ภาคใต้พบที่แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำตาปีและในทะเลสาบสงขลา ภาคกลางพบที่แม่น้ำเจ้าพระยาเรื่อยไปจนถึงบึงบอระเพ็ด แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางปะกง ภาคเหนือพบที่แม่น้ำแม่ปิง แม่น้ำจีน และภาคอีสานพบที่แม่น้ำโขง แม่น้ำมูล แม่น้ำศรีสงคราม และในเขตจังหวัดชลบุรี จันทบุรี และตราด
ลักษณะทั่วไปเป็นปลาที่อยู่ในวงศ์เดียวกันกับปลาตะเพียน ตัวค่อนข้างยาว แบนข้างเล็กน้อย ส่วนหัวยาว ท้องกลมมน จะงอยปากแหลม ปากกว้างมากและเฉียงขึ้นเล็กน้อย มีหนวดที่มุมปากบนหนึ่งคู่ ครีบหลังค่อนข้างเล็ก อยู่ตรงข้ามกับครีบท้อง เกล็ดใหญ่ ครีบหางเป็นแฉกลึก สีของปลาชนิดนี้เป็นที่สะดุดตาแตกต่างกับปลาชนิดอื่นอย่างเด่นชัด เมื่อเจริญวัยเต็มที่ลำตัวจะเป็นสีขาวเงิน ด้านหลังสีคล้ำอมน้ำตาล ด้านท้องสีจาง มีลายดำพาดขวางกลางตัว จากส่วนหน้าของครีบหลังไปยังฐานของครีบท้อง ครีบมีสีคล้ำแดงเรื่อ ครีบหางที่ริมแฉกบนและล่างของหางเป็นสีดำ
การสืบพันธุ์-
อาหารธรรมชาติกินปลาขนาดเล็กเป็นอาหาร
การแพร่กระจาย-
สถานภาพ (ความสำคัญ)เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ
  

ที่มาของข้อมูล : กรมประมง

ขอบพระคุณภาพสวยๆจากสถาบันวิจัยสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำกรมประมง


วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

FIRE SPINY EEL กระทิงไฟ, กระทิงลายดอกไม้



ชื่อไทยกะทิงไฟ กะทิงลายดอกไม้
ชื่อสามัญFIRE SPINY EEL
ชื่อวิทยาศาสตร์Mastacembelus erythrotaenia
ถิ่นอาศัยมีอยู่ในบริเวณน้ำจืดและน้ำกร่อย ในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน ทางภาคใต้ที่ทะเลน้อย ( ทะเลสาบสงขลาตอนใน ) แม่น้ำตาปี ชาวใต้เรียกชื่อปลานี้ว่าปลากะทิงลายดอกไม้
ลักษณะทั่วไปเป็นปลาที่อยู่สกุลเดียวกับปลากะทิงดำ แตกต่างกันที่สีของลำตัว กะทิงไฟมีสีน้ำตาลหรือดำมีแต้มและแถบสีแดงขนาดใหญ่และเล็กเรียงแถวตามความยาวลำตัว ครีบหูมีสีดำขอบแดง ลักษณะทางอนุกรมวิธานที่แตกต่างจากกระทิงชนิดอื่นคือกะทิงไฟไม่มีกระดูกที่เป็นหนามแหลมอยู่บริเวณหน้านัยน์ตา กะทิงไฟที่พบในภาคกลาง จะมีสีแดงสดใสกว่าแหล่งน้ำอื่น
การสืบพันธุ์-
อาหารธรรมชาติกินแมลง ลูกกุ้ง ลูกกบและปลาอื่น ๆ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า
การแพร่กระจาย-
สถานภาพ (ความสำคัญ)เป็นปลาสวยงาม ที่นิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย

ที่มาของข้อมูล : กรมประมง

ขอบพระคุณภาพสวยๆจากสถาบันวิจัยสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำกรมประมง
ขอบพระคุณภาพสวยๆจากสถาบันวิจัยสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำกรมประมง


ARMED SPINY EEL กระทิงดำ, หลาด




ชื่อไทยกะทิงดำ หลาด
ชื่อสามัญARMED SPINY EEL
ชื่อวิทยาศาสตร์Mastacembelus armatus
ถิ่นอาศัยในแม่น้ำ หนองบึงและอ่างเก็บน้ำทั่วทุกภาค
ลักษณะทั่วไปลำตัวเรียวยาว แบนข้างเล็กน้อย มีเกล็ดเล็กละเอียดบนลำตัวและหัว หัวมีลายตั้งแต่ปลายจะงอยปากคาดมาที่ตาถึงช่องเปิดเหงือก ตาเล็ก ครีบอกใหญ่ ปากเล็ก ฟันซี่เล็ก ลักษณะของจะงอยปากยาวดูคล้ายงวง ช่องเหงือกแคบเล็ก อยู่ค่อนไปทางตอนใต้ของส่วนหัว ครีบหลัง ครีบหางและครีบก้นเชื่อมติดกัน ด้านหลังมีก้านครีบแข็งสั้นหลายอัน ไม่มีครีบท้อง ตัวมีสีเทาอ่อนหรือน้ำตาลอมเหลือง มีลายสีคล้ำเป็นวงหรือเป็นเส้น มีลวดลายหลายแบบ ด้านท้องสีจาง ครีบมีสีคล้ำมีจุดประสีเหลืองอ่อน ความยาวทั่วไปประมาณ 30 - 50 ซม .
การสืบพันธุ์ผสมพันธุ์วางไข่ตอนเช้ามืด ไข่เป็นแบบจมติดกับสาหร่ายสีเหลืองเข้ม
อาหารธรรมชาติกินแมลง ลูกกุ้ง ลูกกบและปลาอื่น ๆ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า
การแพร่กระจาย-
สถานภาพ (ความสำคัญ)เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ

ที่มาของข้อมูล : กรมประมง



THREE-SPOT GOURAMI กระดี่หม้อ, สลาก, สลาง



ชื่อไทยกระดี่หม้อ สลาก สลาง
ชื่อสามัญTHREE-SPOT GOURAMI
ชื่อวิทยาศาสตร์Trichogaster trichopterus
ถิ่นอาศัยอยู่ตามลำธาร คลอง หนอง บึงและบ่อที่มีวัชพืชปกคลุม เพื่อใช้เป็นแหล่งอาศัยขยายพันธุ์และหลบหลีกจากศัตรู สามารถอยู่ในแหล่งน้ำที่เป็นกรดหรือใกล้เสียได้ ทำรังวางไข่โดยก่อหวอดปนกับเศษหญ้า ตัวผู้เป็นผู้ดูแลไข่
ลักษณะทั่วไปมีปริมาณชุกชุมกว่าปลาชนิดอื่นในจำพวกเดียวกัน รูปร่างป้อมกว่ากระดี่นาง ส่วนท้ายไม่เรียวเล็ก หัวเล็ก ตาเล็ก และปากเล็กอยู่ปลายสุดของจะงอยปาก ลำตัวแบนข้างมาก ส่วนหลังยกสูงเล็กน้อย ครีบอกเล็ก ครีบท้องเป็นเส้นยาว ครีบหางเว้าตื้นปลายมน ลำตัวสีขาวเงินเทาอมฟ้า มีริ้วดำพาดขวางเป็นทางประตลอดลำตัว ลักษณะพิเศษคือมีจุดดำที่กลางลำตัวและตรงบริเวณคอดหางแห่งละจุด ครีบก้นมีจุดประสีส้มหรือเหลืองและขอบสีเหลือง ครีบอื่นใส ครีบหางใสมีประสีคล้ำ ความยาวประมาณ 8 - 10 ซม .
การสืบพันธุ์-
อาหารธรรมชาติกินตะไคร่น้ำ แมลง และสิ่งมีชีวิตเล็กๆ
การแพร่กระจาย-
สถานภาพ (ความสำคัญ)นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามกันแพร่หลาย และเป็นปลาเศรษฐกิจ

ที่มาของข้อมูล : กรมประมง

ขอบพระคุณภาพสวยๆจากสถาบันวิจัยสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำกรมประมง


วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553

MOONLIGHT GOURAMI ปลากระดี่นาง



ชื่อไทยกระดี่นาง
ชื่อสามัญMOONLIGHT GOURAMI
ชื่อวิทยาศาสตร์Trichogaster microlepis
ถิ่นอาศัยมีอยู่ทั่วไปตามแหล่งน้ำ หนองบึง ลำห้วย ซึ่งมีพืชพันธุ์ไม้น้ำหนาแน่น
ลักษณะทั่วไปรูปร่างเป็นรูปไข่ ส่วนท้ายเรียว ลำตัวแบนข้างมาก ส่วนหลังยกสูงเล็กน้อย ครีบอกเล็ก ครีบท้องเป็นเส้นยาว ครีบหางเว้าตื้น เกล็ดบาง เล็กละเอียด ขอบเกล็ดเป็นจักรเช่นเดียวกับเกล็ดปลาหมอ ตัวมีสีเทาหรือเงินวาวอมฟ้า ครีบสีจางใส มีขอบสีเหลืองอ่อนเรื่อ ๆ เพศผู้จะมีสีแสดส้มตรงบริเวณท้อง มีนิสัยสงบเสงี่ยม เลี้ยงรวมกับปลาอื่นได้ดี แต่ในฤดูผสมพันธุ์ปลาตัวผู้จะมีนิสัยกีดกันระรานปลาอื่น ความยาวประมาณ 7 - 10 ซม .
การสืบพันธุ์-
อาหารธรรมชาติกินแมลงและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก
การแพร่กระจาย-
สถานภาพ (ความสำคัญ)กินแมลงและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก
  

ที่มาของข้อมูล : กรมประมง

ขอบพระคุณภาพสวยๆจากสถาบันวิจัยสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำกรมประมง


SIAMESE GLASSFISH ปลาแป้น,ปลา กระจก



ชื่อไทย

แป้น, กระจก

ชื่อสามัญ

SIAMESE GLASSFISH

ชื่อวิทยาศาสตร์

Chanda siamensis

ถิ่นอาศัย

มีอยู่ทั่วไปตามแม่น้ำลำคลองพบมากที่บริเวณลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ชาวบ้านในแถบกาญจนบุรีและราชบุรีเรียกปลาแป้น แต่ชาวบ้านแถบแม่น้ำเจ้าพระยาและบึงบอระเพ็ดเรียกว่าปลาข้าวเม่า ส่วนชื่อปลากระจกเป็นชื่อที่เรียกกันในหมู่พ่อค้าส่งปลาไปจำหน่ายต่างประเทศ

อาหาร

กินจุลินทรีย์และตัวอ่อนของแมลงน้ำ

ขนาด

ความยาวประมาณ 3-6 เซนติเมตร

ประโยชน์

นำมาเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม

 

ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
 





YELLOW MYSTUS ปลา กดเหลือง



ชื่อไทยกดเหลือง
ชื่อสามัญYELLOW MYSTUS , GREEN CATFISH
ชื่อวิทยาศาสตร์Hemibagrus nemurus
ถิ่นอาศัยเดิมอาศัยอยู่ในทะเล แต่ได้เข้ามาผสมพันธุ์และวางไข่ในน้ำจืดแล้วไม่กลับสู่ทะเลอีกเลย พบแพร่กระจายอยู่ทั่วทุกภาค
ลักษณะทั่วไปลำตัวยาว แบนข้างเล็กน้อยทางส่วนหาง หัวค่อนข้างแบนลง ตาไม่มีหนังปกคลุม มีหนวด 4 คู่ ที่จมูก ริมฝีปากบน ริมฝีปากล่าง และใต้คาง หนวดที่ริมฝีปากบนยาวถึงครีบก้น หนวดที่จมูกสั้น ยาวจรดนัยน์ตา ครีบหลังมีหนามแหลมคม 1 อัน ครีบหูมีหนามแหลมเช่นเดียวกับครีบหลัง ครีบไขมันมีขนาดใหญ่และยาว สีของลำตัวเป็นสีน้ำตาลปนเหลือง ด้านหลัง สีน้ำตาลปนเขียว ท้องสีเหลืองอ่อน
การสืบพันธุ์ฤดูกาลวางไข่แตกต่างกันไปตามสภาพและที่ตั้งของพื้นที่ เพาะพันธุ์โดยใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ร่วมกับยาเสริมฤทธิ์ ฉีดแม่ปลาเข็มแรกในอัตรา 5 - 7 ไมโครกรัมและยาเสริมฤทธิ์ 5 มิลลิกรัมต่อแม่ปลาน้ำหนัก 1 กิโลกรัม เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 6 ชั่วโมง ในอัตรา 15 - 20 ไมโครกรัมและยาเสริมฤทธิ์ 5 มิลลิกรัม ส่วนปลาเพศผู้อาจไม่จำเป็นต้องฉีดฮอร์โมนกระตุ้นก็ได้ แม่ปลาพร้อมที่จะรีดไข่ผสมน้ำเชื้อหลังการฉีดยาเข็มที่ 2 ประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง ก็สามารถผสมเทียมได้ แล้วนำไข่ไปโรยบนมุ้งไนล่อนสีฟ้า ไข่เป็นไข่จมและติดกับวัตถุ (adhesive egg) ไข่จะฟักเป็นตัวในเวลา 27 - 30 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิน้ำ 26 - 27 องศาเซลเซียส
อาหารธรรมชาติกินปลา ลูกกุ้ง แมลงน้ำ และสัตว์น้ำขนาดเล็ก
การแพร่กระจาย-
สถานภาพ (ความสำคัญ)เป็นปลาเศรษฐกิจที่ใช้บริโภคทั้งสดและแห้ง
  

ที่มาของข้อมูล : กรมประมง


ขอบคุณภาพจาก http://www.pantown.com/board.php?id=46828&area=3&name=board4&topic=40&action=view








วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

SIAMESE ROCK CATFISH กดหิน, แขยงหิน


ชื่อไทยกดหิน แขยงหิน
ชื่อสามัญSIAMESE ROCK CATFISH
ชื่อวิทยาศาสตร์Leiocassis siamensis
ถิ่นอาศัยอยู่ตามลำธาร เช่น บริเวณปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ แม่น้ำวัง จังหวัดลำปาง แม่น้ำแม่กลอง จังหวัดราชบุรี ฯลฯ
ลักษณะทั่วไปลำตัวค่อนข้างยาว ไม่มีเกล็ด หัวแบนราบลงเล็กน้อย ตามีผิวหนังใสปิดคลุม มีฟันซี่แหลมเล็กๆ อยู่บนขากรรไกร และเพดานปาก มีหนวด 4 คู่ มีรูจมูกข้างละหนึ่งคู่ แต่ละคู่อยู่ห่างจากกัน ครีบหลังและครีบหูมีหนามแหลม ลำตัวมีพื้นสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน มีแถบดำหรือน้ำตาลเข้มพาดขวางลำตัว แถบที่ว่านี้จะมีขนาดโตกว่าช่วงสีพื้นของลำตัว ขนาดและที่ตั้งของแถบเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามขนาดและอายุของปลา
การสืบพันธุ์-
อาหารธรรมชาติกินลูกปลา ลูกกุ้ง และสัตว์น้ำที่มีขนาดเล็ก
การแพร่กระจาย-
สถานภาพ (ความสำคัญ)นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม
  

ที่มาของข้อมูล : กรมประมง


ขอบพระคุณภาพสวยๆจากสถาบันวิจัยสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำกรมประมง


TRUNCATED ESTUARINE CATFISH กดหลาว




ชื่อไทย

กดหลาว

ชื่อสามัญ

TRUNCATED ESTUARINE CATFISH

ชื่อวิทยาศาสตร์

Arius truncatus Cuvier & Valennennes

ถิ่นอาศัย

อยู่บริเวณแหล่งน้ำกร่อยและอพยพมาอยู่ในน้ำจืด พบบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำบางปะกง

อาหาร

ลูกกุ้ง ลูกปลา และสัตว์น้ำขนาดเล็ก

ขนาด

ความยาวประมาณ 16-33 เซนติเมตร

ประโยชน์

นับได้ว่าเป็นปลาเศรษฐกิจที่ใช้น้ำมาบริโภคได้

 

ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
 


Mekong Giant Catfish ปลาบึก

การจัดการความรู้ในองค์กร - ปลาบึก



ปลาบึก
(Mekong Giant Catfish, Pangasianodon gigas Chevey, 1930)  เป็นปลาน้ำจืดที่ไม่มีเกล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดเป็นปลาที่อยู่ในกลุ่มสัตว์หายากและใกล้จะสูญพันธุ์           ขนาดโตเต็มที่ยาวประมาณ 3 เมตร มีน้ำหนักมากกว่า 250 กิโลกรัม มีแหล่งอาศัยอยู่เฉพาะแม่น้ำโขง ชาวไทยและชาวลาวรู้จักปลาชนิดนี้มาแต่ดึกดำบรรพ์ในชื่อบึก โสม(2510) อธิบายว่า บึก  นี้เพี้ยนมาจาก หึก ซึ่งเป็นคำในภาษาของกลุ่มชนสองฝั่งโขง ได้แก่ ไทยเหนือ ไทยอีสาน และลาว หมายถึง ใหญ่ ดังนั้นจึงเรียกปลาที่มีขนาดมหึมาชนิดนี้ว่า ปลาหึก เมื่อนานไปเลยเพี้ยนกลายเป็น ปลาบึก ตราบจนทุกวันนี้ กรมประมงสามารถเพาะพันธุ์ปลาบึกได้สำเร็จครั้งแรกเมื่อปี  2526  แต่ได้ลูกปลาไม่มากนัก  ต่อมาในปี  2527  ได้ดำเนินการเพาะพันธุ์อีกครั้ง  ซึ่งครั้งนี้ได้ลูกปลาจำนวนมาก  ลูกปลาที่ได้จากการเพาะพันธุ์ครั้งนี้ได้ส่งไปทดลองเลี้ยงในบ่อดิน  ตามสถานีประมงทั่วประเทศ

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

Biotechnology development direction Aquarium Thailand.เทคโนโลยี ชีวภาพ ทิศทางพัฒนาพันธุ์สัตว์น้ำไทย

เป็นที่ทราบกัน ดีว่า ประชากรในโลกของเราเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวันๆ ซึ่งสวนทาง กับ
ทรัพยากรธรรมชาติที่นับวันจะยิ่งหรอยหรอลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะทรัพยากรประมง ซึ่งเป็น
แหล่งอาหารโปรตีนสำคัญของมนุษย์ โดยสาเหตุหลักนั้น มาจากฝีมือมนุษย์
ที่ได้มีการพัฒนาเครื่องมือ เครื่องใช้อุปกรณ์ในการทำการประมง จนสามารถจับสัตว์น้ำ
ตามแหล่งน้ำได้มากขึ้น และวิธีการ จับก็มีทั้งการจับอย่างถูกวิธีและไม่ถูกวิธี
การลักลอบจับสัตว์น้ำ รวมไปถึงการจับสัตว์น้ำในช่วงฤดู วางไข่ จนทำให้สัตว์น้ำ
ตามแหล่งธรรมชาติลดน้อยลงเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้สภาพแวดล้อมที่เริ่ม เสื่อมโทรม
ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สัตว์น้ำตามแหล่งน้ำ ธรรมชาติลดน้อยลง โดยเฉพาะ
สัตว์น้ำของไทย อย่างที่เห็นได้ชัด คือ กุ้งก้ามกราม ปลาเทโพ ปลาเทพา และปลาหมู
ซึ่งปัจจุบันแทบจะไม่มีเหลือ ให้เห็นตามแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมไปถึง หอยมือ เสือ

ที่จัดอยู่ในสัตว์น้ำที่หายาก จำเป็นต้อง ควบคุมและอนุรักษ์ไว้เพื่อไม่ให้สูญพันธุ์ 
ในขณะที่มีปลา สายพันธุ์ไทยหลายประเภทที่สูญพันธุ์ไปแล้ว เช่น ปลาเสือตอลายใหญ่ 
ปลาหวีเกศ
กรมประมงในฐานะที่เป็นหน่วยงาน สำคัญในการพัฒนาการประมง การจัดการ
ทรัพยากรประมง ทั้งในด้านการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำและการรักษาสิ่งแวดล้อม
จึงได้มีการนำเทคโนโลยีชีวภาพ หรือ ที่รู้จักกันอีกอย่างหนึ่งว่า ไบโอเทคโนโลยี
(
Biotechnology) เข้ามาช่วยในการพัฒนา ปรับปรุง และอนุรักษ์ สายพันธุ์สัตว์น้ำของไทย 
ให้ได้ทั้งปริมาณ คุณภาพ ที่เหมาะสม กับการบริโภค ควบคู่ไปกับการรักษาพันธุ์สัตว์น้ำ 
เพื่อความยั่งยืนของอาชีพการประมง และการคงไว้ซึ่ง ทรัพยากรสัตว์น้ำของไทย

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Contract Farming and Riverine Aquaculture.เกษตรพันธะสัญญากับการเลี้ยงปลาในกระชัง :: รูปธรรมสัญญาทาสกับความเสี่ยงที่เกษตรกรต้องแบกรับ

สุเมธ ปานจำลอง
โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานภาคเกษตร
เกษตรพันธะสัญญา 4 พื้นที่ภาคอีสาน
ตั้งแต่แผนพัฒนาฉบับที่ 1 จนถึงปัจจุบัน เกษตรกรรายย่อยกลุ่มที่มีความคาดหวังต่อการทำเกษตรกระแสหลัก ซึ่งมีนโยบายรัฐสนับสนุน ได้มีการปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตแบบดั้งเดิมเข้าสู่การผลิตแบบใหม่ ใช้เทคโนโลยีใหม่และใช้การตลาดเข้ามาหนุนเสริม โดยเริ่มจากการปลูกปอ ปลูกมัน ปลูกอ้อย ปลูกยางพารา ปลูกยูคาลิปตัส การเลี้ยงไก่เนื้อและไก่ไข่ เลี้ยงหมู กระทั่งเมื่อประมาณ ปี 2540 ได้มีการส่งเสริมการเลี้ยงปลาในกระชัง โดยบริษัทให้ความหวังกับเกษตรกรว่าจะมีหลักประกันราคา และเป็นความก้าวหน้าในการพัฒนาการเกษตร มีการสนับสนุนกองทุนหนุนการผลิต มีเทคโนโลยีที่ง่ายสะดวกสบาย สิ่งเหล่านี้เรียกง่ายๆ ว่า “เกษตรพันธะสัญญา”

คำว่า “เกษตรพันธะสัญญา” เป็นการทำเกษต ที่มีข้อตกลงกันระหว่างบริษัทหรือกลุ่มทุนกับเกษตรกรให้ทำการ ผลิต ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น กรณีการเลี้ยงปลาในกระชัง ร้านค้าที่เป็นตัวแทนบริษัทจะตกลงกับเกษตรกรที่ต้องการเลี้ยงปลา ทางร้านสัญญาว่าจะช่วยเหลือ เรื่องพันธุ์ปลา อาหารปลา ความรู้การเลี้ยงปลา และตลาดปลา เป็นต้น ดังนั้นเกษตรพันธะสัญญาจึงเป็นที่มา ของแรงงานนอกระบบและสร้างปัญหาให้แก่ เกษตรกรมากมาย เพราะบริษัท และห้างร้าน ต้องการหลีกเลี่ยงกฎหมายแรงงาน สร้างแนวทางใหม่โดยทำข้อตกลงเป็นเพียงสัญญา “จัดว่าจ้างทำของ” คล้ายกับเกษตรกรเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก ที่จะต้องดูแลรับผิดชอบการลงทุนและ ความเสี่ยงต่อการผลิตเองทั้งหมด

จากบทเรียนการทำงานของโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานภาคเกษตร : เกษตรพันธะสัญญา และการรับจ้าง 4 ภูมินิเวศน์ ภาคอีสาน พบว่าการเลี้ยงปลาในกระชัง เป็นรูปแบบพันธะสัญญาที่มีการตกลงสัญญ าระหว่างตัวแทนบริษัทกับเกษตรกรเป็น ข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรม เพราะการตกลงที่ไม่มีลายลักษณ์อักษร ไม่มีความแน่นอนทางด้านราคา สินค้าที่จะใช้ในการผลิตถูกกำหนดโดยบริษัทเพียงฝ่ายเดียว เกษตรกรไม่มีสิทธิที่จะต่อรองราคา เมื่อขายหรือจำหน่ายผลผลิต เพราะเงื่อนไขต่างๆ ถูกกำหนดด้วยร้านค้าและกลุ่มทุนด้วยการใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งกระบวนการผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์และ การประกันหมู่ของกลุ่มผู้ เลี้ยงปลาด้วยกัน เมื่อเกิดปัญหาการขาดทุนถ้าจะทำการลงทุนต่อ จะขอทางร้านได้เพียงผ่อนผันหนี้ไม่เช่นนั้น จะดำเนินการยึดทรัพย์หรือบุคคลไปรับรองค้ำประกันจะต้องรับผิดชอบ การใช้กระบวนการแบบนี้ เป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมาย เพื่อไม่ให้ความผิดอยู่ที่ตนหรือเป็นยุทธการใหม่ทาง การค้าที่เรียกว่า “เกษตรพันธะสัญญา” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “สัญญาทาส” ซึ่งมีนัยสำคัญของปัญหา ที่เป็นประสบการณ์ของเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากับร้านค้า สัญญา ดังกรณีการศึกษาของโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานภาคเกษตร : เกษตรพันธะสัญญาและการรับจ้าง 4 ภูมินิเวศน์ ภาคอีสาน ต่อไปนี้

Department of Fisheries, Government cooperation. Accelerate private brainstorming session to find solutions and prevent death from diseases of tilapia.กรมประมงร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชนเร่งระดมความคิดเพื่อหาแนวทางแก้ไขและป้องกันการตายของปลานิลจากโรค

พฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม 2553 09:56:07 น.

กรมประมงร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชนเร่งระดมความคิดเพื่อหาแนวทางแก้ไขและป้องกันการตายของปลานิลจากโรค



ปลานิลเป็น หนึ่งในสัตว์น้ำที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค และเป็นปลาเศรษฐกิจที่สร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างพอเพียง
ดร.จิราวรรณ แย้มประยูร รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรมประมงได้ รับรายงานจากเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลานิล เรื่องประสบปัญหาการตายของปลานิลโดยไม่ทราบสาเหตุของโรคที่ชัดเจน รวมถึงต่างประเทศอย่างมาเลเซียที่มีการเพาะเลี้ยงปลานิลก็ประสบปัญหาปลาตาย เช่นกัน และพบการตายในช่วงปลายเดือนมีนาคม-เดือนเมษายนมากที่สุด

วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Oryzias songkhramensis Magtoon,2010 พบปลาในนาข้าวสายพันธุ์ใหม่ของโลก

ฮือฮา มศว. พบปลาน้อยสายพันธุ์ใหม่ สปี่ชี่ที่ 5 ในนาข้าว ยาว 1 ซม. กินตัวอ่อนยุง-แมลงศัตรูพืชเป็นอาหาร


วันนี้(23 ก.ค.)  รศ.ดร.วิเชียร มากตุ่น คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.)  ในฐานะนักวิจัยด้านมีนะวิทยา ซึ่งค้นคว้าวิจัยด้านสายพันธุ์ปลา เปิดเผยว่า  ขณะนี้ มศว. ได้ค้นพบปลาสายพันธุ์ใหม่ในนาข้าวของโลก ได้ตั้งชื่อว่า Oryzias songkhramensis Magtoon,2010  และยังไม่ได้ตั้งชื่อภาษาไทยซึ่งปลาดังกล่าวค้นพบในเขตลุ่มแม่น้ำโขง  เขตอำเภอรัตนวาปี จ.หนองคาย นอกจากนี้ยังพบปลาสายพันธุ์นี้ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวหรือ บริเวณพื้นที่ลาวตอนกลาง  ทั้งนี้การค้นพบปลาสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวบ่งบอกให้เห็นถึงความสมบูรณ์ตาม ธรรมชาติในเขตลุ่มน้ำโขงในประเทศไทย   ส่วนลักษณะของปลาชนิดนี้จะเป็นปลาในนาข้าว ขนาดเล็ก ความยาวประมาณ 1 เซนติเมตร  อาศัยอยู่กันเป็นฝูงและกินตัวอ่อนของพวกยุงเป็นอาหาร  และยังกินตัวอ่อนของแมลงบางชนิดที่เป็นศัตรูพืช  ซึ่งเป็นการควบคุมความสมดุลของธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลงในนาข้าวมากจนเกินความจำเป็น

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ZEBARFISH GMO.ปลาม้าลายเรืองแสง




...ปลาม้าลาย...

ชื่อไทย
ปลาม้าลาย หรือ ปลาซีบรา
ชื่อวิทยาศาสตร์
Brachydanio rerio
ชื่ออังกฤษ
Zebra Danio
ถิ่นที่อยู่อาศัย
มีแหล่งกำเนิดทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย

FISH GMO .การวิจัยปลาตัดต่อพันธุกรรม

ปลาม้าลายเรืองแสง (โกลฟิช) เป็นสัตว์เลี้ยงตัดต่อพันธุกรรมชนิดแรก 
แต่หากปราศจากกฎหมายควบคุม อาจเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิด
ปลาม้าลายเรืองแสง (โกลฟิช) เป็นสัตว์เลี้ยงตัดต่อพันธุกรรมชนิดแรก แต่หากปราศจากกฎหมายควบคุม อาจเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิด

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Prophylaxis การป้องกันโรค




1. ควรเตรียมบ่อและน้ำตามวิธีการที่เหมาะสมก่อนปล่อยลูกปลา
2. ชื้อพันธุ์ปลาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ว่าแข็งแรงและปราศจากโรค
3. หมั่นตรวจดูอาการของปลาอย่างสม่ำเสมอถ้าเห็นอาการผิดปกติต้องรีบหาสาเหตุและแก้ไขโดยเร็ว
4. หลังจากปล่อยปลาลงเลี้ยงแล้ว 3-4 วันควรสาดน้ำยาฟอร์มาลิน 2-3 ลิตร/ปริมาตร น้ำ 100 ตัน และหากปลาที่เลี้ยงเกิดโรคพยาธิภายนอกให้แก้ไขโดยสาดน้ำยาฟอร์มาลินในอัตรา 4 - 5 ลิตร/ปริมาตรน้ำ 100 ตัน
5. เปลี่ยนถ่ายน้ำจากระดับก้นบ่ออย่างสม่ำเสมอ
6. อย่าให้อาหารจนเหลือ

Feeding fish.การเพาะเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย





Nursing fish.การอนุบาลปลา



ลูกปลาดุกที่ฟักออกเป็นตัวใหม่ ๆ จะใช้อาหารในถุงไข่แดงที่ติดมากับตัวเมื่อถุงไข่แดงที่ติดมากับลูกปลายุบ ให้ไข่ไก่ต้มสุกเอาเฉพาะไข่แดงบดผ่านผ้าขาวบางละเอียดให้ลูกปลากิน 1-2 ครั้ง หลังจากนั้นจึงให้ลูกไรแดงเป็นอาหาร

Artificial Insemination catfish. การผสมเทียมปลาดุก




ขอขอบคุณ v d o ชุดนี้ (ไม่สามารถขอบคุณที่ youtube ได้)

Catfish and Catfish Bangladesh ลักษณะของปลาดุกอุยและปลาดุกเทศ




       แม่พันธุ์ปลาดุกอุย                                            พ่อพันธุ์ปลาดุกเทศ  


วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Natural substances from the foliage . สารธรรมชาติจากใบหูกวาง

  

หูกวาง ( Terminalia catappa Linn. ) เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ อยู่ในวงศ์ Combretaceae เช่นเดียวกับสมอไทย และ สมอพิเภก มีชื่อสามัญคือ Tropical Almond, Singapore Almond, Bengal Almond, Umbrella Tree และมีชื่ออื่นๆ ที่เรียกกันตามจังหวัดต่างๆ เช่น โคน ( นราธิวาส ) ดัดมือ ตัดมือ ( ตรัง ) ตาป่ง ( พิษณุโลก และ สตูล ) ตาแป่ห์ ( มาเลย์ - นราธิวาส ) หลุมปัง ( สุราษฎร์ธานี ) และ จัดเป็นพันธ์ไม้ชายหาด พบกระจัดกระจายตามชายฝั่ง ปลูกได้ทั่วไป ตั้งแต่ ประเทศอินเดีย ถึง ตอนเหนือของทวีปออสเตรเลีย ปัจจุบัน ได้มีการนำต้นหูกวางมาปลูกทั่วไปในพื้นที่เขตร้อนโดยเฉพาะ ทวีปเอเชีย

ประเทศไทยสามารถพบต้น หูกวางได้ทั่วไป ตามชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงใต้ โดยพบมากที่จังหวัดตราดและชลบุรี ภาคตะวันตกเฉียงใต้ พบมากที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และกาญจนบุรี ส่วนภาคใต้พบมากที่จังหวัดนราธิวาส ตรัง และ สุราษฎ์ธานี หูกวางเป็นต้นไม้ขนาดกลางสูง 8-28 เมตร เรือนยอดค่อนข้างกลมหรือทรงรูปพีรามิดหนาทึบ เปลือกต้นสีเทาแตกเป็นร่องตื้น แตกกิ่งในแนวราบเป็นชั้นๆ เมื่อโตเต็มที่ กิ่งปลายจะลู่ลง โตเร็ว ชอบแดดจัด ทนน้ำท่วมขัง ระบบรากแข้งแรง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเวียนสลับถี่ตอนปลายกิ่ง โคนใบสอบแคบ แผ่นใบหนา มีขนปุย ขอบใบเรียบ หูกวางจะผลัดใบในฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน

Breeding in tilapia sex.การเพาะพันธุ์ปลานิลแปลงเพศ



      อาารย์ กำจัด รื่นเริงดี หัวหน้าสานีวิจัยประมงกำแพงแสน ได้กล่าวว่า วัถุประสงค์ขอการทำวิจัยครั้งนี้ก็เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่เพาะพันธุ์ปลา นิล ถึงแม้ว่าปลานิลจะเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว และขยายพันธุ์ได้ลอดทั้งปี แต่เกษตรกรก็ยังประสบปัญหาในเรื่องของการเจริญเติโต และขนาดที่แตกต่างกันของปลานิล ซึ่งส่งผลกระบต่อรายได้ของเกษตรกร
   

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Culture of tilapia in cages at the two. การเลี้ยงปลานิลในกระชัง ตอนที่ 2


      อัตราการปล่อยปลา
       การ เลี้ยงปลาขนาดตลาด ผู้เลี้ยงควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ คือ ขนาดปลาที่ตลาดต้องการและระยะเวลาที่ผลผลิตออกสู่ตลาดในเวลาที่เหมาะสมแล้ว จึงพิจารณาย้อนกลับเพื่อหาขนาดและจำนวนปลาที่จะปล่อยลงเลี้ยง
       เนื่อง จากการเลี้ยงปลานิลแปลงเพศในกระชังมีเป้าหมายการผลิตเพื่อการค้า ซึ่งผู้เลี้ยงควรที่จะผลิตปลาออกมาให้ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อในระยะ เวลาที่เหมาะสมและมีปริมาณเพียงพอ
       อัตราปล่อยที่กำหนดจะอยู่ภายใต้การตัดสินใจ ซึ่งควรคำนึงถึงข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
     

Creating a cage. การสร้างกระชัง

รูปร่างและขนาดของกระชัง
       กระชัง ที่ใช้เลี้ยงปลานิลมีรูปทรงต่างๆ เช่น รูปสี่เหลี่ยมจตุรัส รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และรูปกลม เป็นต้น รูปร่างของกระชังจะมีผลต่อการไหลผ่านของกระแสน้ำที่ถ่ายเทเข้าไปในกระชัง เมื่อเปรียบเทียบปริมาณเท่ากันๆ กระชังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสจะมีพื้นที่ผิวที่ให้กระแสน้ำไหลผ่านได้มากกว่า กระชังรูปแบบอื่นๆ
       ขนาดกระชัง ที่ ใช้เลี้ยงจะแตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของเกษตรกร ขนาดพื้นที่ที่แขวนกระชัง ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น ขนาดกระชังที่นิยมใช้โดยทั่วไป คือ
       กระชังสี่เหลี่ยม ขนาด 1.2 x 1.2 x 2.5 หรือ 2 x 2 x 2.5 เมตร     กระชังสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 4 x 2 x 2.5 เมตร

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Prepare a fish pond.การเลี้ยงปลาหมอตาล



การเตรียมบ่อเลี้ยงปลาหมอตาล

ขนาดของบ่อเลี้ยงขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เลี้ยง แต่โดยทั่วไปบ่อเลี้ยงมีขนาดตั้งแต่ 400-1,000 ตารางเมตร หรือ 3-4 ไร่ขึ้นไป ความลึกของบ่อควรลึกประมาณ 1-1.5 เมตร ทั้งนี้ เพื่อจะได้ใช้เลี้ยงปลาซึ่งมีขนาดโต ถ้าพื้นที่กว้างจะทำให้ปลาเจริญเติบโตได้ดี และจะมีอาหารธรรมชาติมากขึ้น เพราะปลาหมอตาลเป็นปลาที่เพาะพันธุ์ทางธรรมชาติได้โดยการผสมพันธ์กันเอง ซึ่งขึ้นอยู่กับความสะอาดของบ่อ ต้องไม่มีศัตรูของปลาหมอตาลที่จะไปกินไข่ปลาในระหว่างปลาเริ่มวางไข่ ถ้ามีศัตรูของปลาจะทำให้ไข่ถูกทำลายได้ง่าย และไม่สามารถฟักเป็นตัวได้ คันบ่อต้องมีความลาดเอียงเพื่อป้องกันดินพัง จะลาดเอียงขนาดใดก็ขึ้นอยู่กับชนิดของดิน คันบ่อต้องมีขนาดใหญ่และสูงเพื่อป้องกันน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก ปลาชนิดนี้สามารถเลี้ยงได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย

Researchers decode genetics mg giant catfish successfully . นักวิจัย มก. ถอดรหัสพันธุกรรมปลาบึกได้สำเร็จ

ปลาบึก (Pangasianodon gigas Chevey) เป็นปลาบึกน้ำจืดไม่มีเกล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแม่น้ำโขงแห่งเดียว เป็นปลาที่อยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์



ซึ่งภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ได้จัดให้อยู่ใน เรดลิสท์ (red list) แต่ประเทศไทยก็ประสบความสำเร็จในการผสมเทียมปลาบึกเมื่อปี 2526 และขณะนี้ได้กระจายอยู่ตามแหล่งน้ำจืดต่าง ๆ ในประเทศ

Culture of tilapia in cages . การ เลี้ยงปลาในกระชัง


      การ เลี้ยงปลาในกระชังเป็นรูปแบบการเลี้ยงที่ให้ผลผลิตสูง ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในเชิงเศรษฐศาสตร์ และการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำทั่วไป อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกินสามารถหันมาเลี้ยงปลาได้ หากปล่อยปลาในอัตราที่เหมาะสมจะทำให้ปลามีอัตราการเจริญเติบโตที่ดีขึ้น สามารถช่วยลดระยะเวลาการเลี้ยงให้สั้นลงได้ นอกจากนี้ยังสะดวกในการดูแลจัดการการเคลื่อนย้าย รวมทั้งการเก็บเกี่ยวผลผลิตและมีการลงทุนต่ำกว่ารูปแบบการเลี้ยงอื่นๆ ในขณะที่ผลตอบแทนต่อพื้นที่สูง อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงปลานิลในกระชังอาจจะมีข้อเสียอยู่บ้าง เช่น ปัญหาโรคพยาธิที่มากับน้ำซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ นอกจากนั้นยังอาจก่อให้เกิดปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมหากไม่มีการคำนึงถึง ปริมาณและที่ตั้งของกระชัง ตลอดจนความเหมาะสมของลำน้ำ ดังนั้นการเลี้ยงยังขึ้นอยู่กับอาหารสำเร็จรูปเพียงอย่งเดียวทำให้สิ้น เปลืองในการลงทุน หลักการสำคัญที่ควรคำนึงถึงสำหรับการเลี้ยงปลาในกระชังได้แก่

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Production of a frog farmer การเพาะกบ

กบ (Rana rugulosa) เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ลำตัวค่อนข้างกลมรี มีขา 2 คู่ คู่หน้าสั้น คู่หลังยาว หัวมีส่วนกว้างมากกว่าความยาว จะงอยปากสั้นทู่ จมูกตั้งอยู่บริเวณโค้งตอนปลายชองจะงอยปาก นัยน์ตาโต และมีหนังตาปิดเปิดได้ ปากกว้างมีฟันเป็นแผ่นๆ อยู่บนกระดูกเพดาน ตัวผู้มีถุงเสียงอยู่ใต้คางและจะมีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย ขาคู่หน้าสั้นมีนิ้ว 4 นิ้ว ปลายนิ้วเป็นตุ่มกลม ขาคู่หลังยาว มี 5 นิ้ว ระหว่างนิ้วมีหนังเป็นพังผืด สีของลำตัวด้านหลังเป็นสีเขียวปนน้ำตาล มีจุดสีดำกระจายเป็นประจำทั่วตัว ตามธรรมชาติกบอยู่ตามลำห้วย หนอง บึง และท้องนา กบจะกินปลา กุ้ง แมลง และสัตว์ขนาดเล็กเป็นอาหาร แต่เนื่องจากสถานการณ์ความเป็นอยู่ในปัจจุบันที่มีอัตราประชากรมนุษย์เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และปริมาณความต้องการในการบริโภคเพิ่มขึ้นติดตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะเดียวกันทรัพยากรธรรมชาติหรือแม้แต่ผลผลิตทางการเกษตรลดน้อยลงเป็นไปในลักษณะผกผัน โดยเฉพาะอาชีพเกษตรกรรมของพี่น้องเกษตรกรที่ต้องอาศัยความอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติถึง 75 % นอกจากนั้นแล้วยังต้องพบกับความผิดหวังเมื่อจำหน่ายผลผลิตไม่ได้ราคา หรือถูกพ่อค้าคนกลางกดราคารับซื้อ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกษตรกรต้องขวนขวายหาแนวทางในการประกอบอาชีพใหม่ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ เช่น การทำไร่นาสวนผสม การเลี้ยงกบ หรือสัตว์น้ำอื่นๆ แต่สำหรับการเลี้ยงกบนั้น ปัจจุบันเป็นที่สนใจของเกษตรกรเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เพราะกบเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย ใช้เวลาน้อย ลงทุนน้อย ดูแลรักษาง่าย และจำหน่ายได้ราคาคุ้มกับการลงทุน โดยเฉพาะในปัจจุบันมีตลาดต่างประเทศที่ต้องการสินค้ากบเปิดกว้างมากขึ้น กบนาที่เป็นผลผลิตของเกษตรกรเมืองไทยจึงมีโอกาสส่งจำหน่ายไปยังต่างประเทศมากขึ้น เช่นกัน และสาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่มีผู้หันมากเลี้ยงกบมากขึ้น เพราะปริมาณกบที่อยู่ตามแหล่งธรรมชาติมีจำนวนลดน้อยลงทุกที เนื่องจากแหล่งที่อยู่อาศัยของกบถูกเปลี่ยนแปลงเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ รวมทั้งการสร้างโรงงานอุตสาหกรรม การใช้สารพิษกำจัดศัตรูพืช การใช้ยากำจัดวัชพืช กำจัดปูนา ล้วนแล้วแต่มีส่วนทำลายพันธุ์กบในธรรมชาติให้หมดสิ้นไปแต่ละปี ทั้งนี้รวมทั้งการจับกบมาจำหน่ายหรือการประกอบอาหาร โดยไม่มีการละเว้นกบเล็กกบน้อย เป็นการตัดหนทางการแพร่พันธุ์กบโดยสิ้นเชิงอีกด้วย แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ผู้เลี้ยงกบหลายรายก็ต้องประสบความล้มเหลวในการเพาะเลี้ยงกบ อันเนื่องจากการไม่เข้าใจการเลี้ยง โดยเฉพาะไม่เข้าใจในอุปนิสัยใจคอของกบ ซึ่งมีความสำคัญเพื่อประกอบการเลี้ยง เช่น กบมีนิสัยดุร้ายและชอบรังแกกัน การเลี้ยงกบคละกันโดยไม่คัดขนาดเท่าๆ กัน ในบ่อเดียวกัน เป็นเหตุให้กบใหญ่รังแกและกัดกินกบเล็กเป็นอาหาร หรือไม่รู้ว่านิสัยใจคอของกบเป็นสัตว์ที่ชอบอิสระเสรี เมื่อสภาพที่เลี้ยงมีลักษณะโปร่ง เช่น เป็นอวนไนลอนทำให้กบสามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกมันจะกระตือรือร้นที่จะดิ้นรนหาทางออกไปสู่โลกภายนอก โดยจะกระโดดชนอวนไนลอนจนปากบาดเจ็บและเป็นแผล เป็นเหตุให้ลดการกินอาหารหรือถ้าเจ็บมากๆ ถึงกับกินอาหารไม่ได้เลยก็มี อย่างไรก้อตาม เอกสารคำแนะนำเรื่องการเลี้ยงกบนี้ จะแนะนำวิธีการเลี้ยงทั้งแบบกึ่งพัฒนา และการเลี้ยงแบบพัฒนา ซึ่งมีหลายรูปแบบ ทั้งนี้เพื่อผู้ที่สนใจจะได้ศึกษาวิธีการเลี้ยงแต่ละแบบเพื่อนำไปใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ ทุนทรัพย์และสิ่งแวดล้อมต่อไป


  โรคปลานิล
       เนื่อง จากปัจจุบันผลผลิตปลานิลยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ดังนั้นเกษตรกรส่วนใหญ่จึงเร่งเพิ่มกำลังการผลิตต่อหน่วยพื้นที่ โดยการปล่อยปลาในอัตราที่หนาแน่นมาก ในกรณีนี้ หากฟาร์มใดขาดการจัดการที่ดีจะเป็นผลให้สิ่งแวดล้อมในบ่อไม่เหมาะสม ทำให้เกิดความเครียดเป็นสาเหตุให้เกิดโรคได้ง่าย ซึ่งพอจะแบ่งโรคของปลานิลออกตามสาเหตุได้ดังนี้
       โรคที่มีสาเหตุมาจากปรสิตภายนอก
       ปรสิต ภายนอกที่ทำอันตรายต่อปลานิลมีหลายชนิด โดยปรสิตจะเข้าเกาะในบริเวณเหงือก ผิวหนังและครีบ ทำให้ปลาเกิดความระคายเคือง เกิดบาดแผล ส่วนพวกที่เกาะบริเวณเหงือกจะทำให้มีผลต่อระบบการแลกเปลี่ยนก๊าซทำให้ปลา เกิดปัญหาขาดออกซิเจนได้

ชนิดของปรสิตภายนอก ได้แก่
       1. โปรโตซัว   พยาธิในกลุ่มนี้จะทำลายต่อลูกปลามากกว่าปลาขนาดใหญ่ ชนิดของโปรโตซัวที่พบบ่อย ได้แก่ เห็บระฆัง Trichodina sp., Chilodonella sp., Ichthyophthirius multifilis, Epistylis sp., Scyphidia sp., Apiosoma sp., และ Ichthyobodo sp.
       การรักษา : ใช้ฟอร์มาลิน(formalin) อัตราเข้มข้น 5 - 50 ppm.
       2. ปลิงใส ได้แก่ Gyrodactylus sp. และ Dactylogyrus sp. พวกนี้จะเข้าเกาะบริเวณเหงือกทำให้เหงือกมีผิวหนาขึ้น หรือเกิดอาการบวม ทำให้ปลาหายใจไม่สะดวก
       การรักษา :   เช่นเดียวกับโปรโตซัว
       3. ครัสเตเซียน ได้แก่ Arhulus sp., Ergasilus sp., Lernaea sp. และ Lamproglena sp. ปรสิตในกลุ่มนี้ ส่วนของอวัยวะที่มีปลายแหลมฝังเข้าไปในเนื้อปลาเพื่อช่วยในการยึดเกาะและ / หรือกินเซลล์ หรือเลือดของปลาเป็นอาหาร ซึ่งทำอันตรายต่อปลาอย่างรุนแรง ทำให้ปลาเกิดแผลขนาดใหญ่ และสูญเสียเลือด ถ้าพบเป็นปริมาณมากจะทำให้ปลาตายอย่างรวดเร็ว ปรสิตกลุ่มนี้มักพบในปลานิลที่เลี้ยงในกระชังเป็นส่วนใหญ่
       การรักษา : ใช้ดิพเทอร์เรกซ์(Dipterex) ในอัตราความเข้มข้น 0.25 - 0.5 ppm. แช่ตลอด
       โรคที่มีสาเหตุมาจากปรสิตภายใน
       ปรสิตกลุ่มนี้มักพบอยู่ในทางเดินอาหาร และไม่ทำอันตรายต่อปลามากนัก
       1. โปรโตซัว ชนิดที่พบในลำไส้ใหญ่ ได้แก่ Eimeria sp. ถ้ามีเป็นปริมาณมากจะทำให้ปลาผอมได้ ส่วนอีกชนิดพบในระบบหมุนเวียนโลหิต ได้แก่ Trypanosoma sp. ปรสิตชนิดนี้แม้จะตรวจพบในระบบเลือดของปลานิลแต่ยังไม่มีรายงานแน่ชัดว่าทำ ให้ปลานิลป่วยหรือตายได้
       2. เมตาซัว ได้แก่ digenetic, trematodes, cestodes, mematodes และ acanthocephalan
        โรคที่มีสาเหตุมาจากแบคทีเรีย
       1. โรคตัวด่าง เกิดจาก Flexibacter columnaris พบในปลานิลที่เลี้ยงน้ำจืด ส่วนปลานิลที่เลี้ยงน้ำกร่อยจะเป็นชนิด F. maritimus โรคนี้มักพบในช่วงที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ในช่วงอากาศเย็น ในช่วงฝนตกหนัก และหลังจากการขนย้ายปลา ปลาที่พบว่ามีอาการตัวด่างมักตายในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าไม่รีบรักษาทันทีปลาจะตายหมดบ่อภายใน 24 - 48 ชั่วโมง
       การรักษา : ใช้ยาเหลือง Aeriflavin แช่ในอัตราความเข้มข้น 1 - 3 ppm. ถ้าลูกปลาที่อนุบาลในบ่อปูน หรือถังไฟเบอร์ อาจใช้ด่างทับทิมในอัตราความเข้มข้น 2 - 4 ppm. แช่ตลอด
       2. โรคติดเชื้อ Aeromonas ปลาจะมีอาการตกเลือดตามตัว ท้องบวม มีเลือดปนน้ำเหลืองในช่องท้องหรือมีแผลหลุม
       การรักษา : ใช้ยาปฏิชีวนะผสมอาหารในอัตรา 3 - 5 กรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม ให้ปลากินนาน 5 - 7 วัน
       3. โรคติดเชื้อ Streptococcus ปลามีอาการตาขุ่น ตาบอด หรือตกเลือดภายในลูกตา บางครั้งพบว่าใต้คางหรือช่องขับถ่ายมีอาการบวมแดงมีน้ำเลือดภายในช่องท้อง โรคนี้จะเป็นลักษณะของโรคที่เรื้อรังคือ ปลาจะแสดงอาการของโรคช้าและเป็นระยะเวลานานกว่าปลาจะตาย
       การรักษา : ใช้ยาปฏิชีวนะผสมอาหารในอัตรา 3 - 5 กรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม นาน 5 - 7 วัน
       โรคที่เกิดจากเชื้อรา
       รา เป็นสาเหตุของโรค ได้แก่ Achlya sp. และ Aphanomyces sp. ทำให้ปลาเกิดแผลและบริเวณแผลจะมีเส้นสีขาวคล้ายขนขึ้นฟูเป็นกระจุกปลาป่วยจะ กินอาหารน้อยลง
       การรักษา : ใช้ trifluralin แช่ในอัตราความเข้มข้น 0.05 - 0.1 ppm.
       โรคที่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส
       ในประเทศไทยยังไม่มีรายงาน
       การป้องกันการเกิดโรค
       1. ระวังไม่ให้ปลาเกิดความเครียด โดยการดูแลสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ไม่ปล่อยปลาหนาแน่นจนเกินไป มีการถ่ายเทน้ำให้อาหารที่มีคุณภาพและปริมาณที่เหมาะสม
       2. เมื่อนำปลาใหม่เข้ามาในฟาร์ม ควรจะแช่ฟอร์มาลินในอัตราความเข้มข้น 25 - 30 ppm. (ส่วนในล้าน) เพื่อจำกัดปรสิตที่อาจติดมากับตัวปลา
       3. เมื่อมีการขนส่งปลา ควรแช่เกลือในอัตรา 0.1 - 0.5 % เพื่อลดความเครียดให้กับปลา
       4. ซื้อพันธุ์ลูกปลาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ว่าไม่เคยมีการระบาดของโรคปลา
       5. ถ้ามีการนำผักตบหรือผักบุ้งใส่ลงในบ่อ ควรจะทำความสะอาดรากและใบของผักก่อน โดยการแช่ด่างทับทิมเข้มข้น 5 ppm. นาน 10 นาที จึงล้างน้ำสะอาดก่อนใส่ลงในบ่อ เพื่อลดสปอร์ของเชื้อราและปรสิตที่อาจติดมา


ขอบคุณที่มาจาก นิตยาสารเกษตรศาสตร์ ปีที่ 8 ฉบับที่ 4 เมษายน 2550
> Credit : วิธีสร้าง WelCome Page บน Blogger Under Creative Commons License: Attribution