...ปลาม้าลาย...
ชื่อไทย
ปลาม้าลาย หรือ ปลาซีบรา
ชื่อวิทยาศาสตร์
Brachydanio rerio
ชื่ออังกฤษ
Zebra Danio
ถิ่นที่อยู่อาศัย
รูปร่างลักษณะเป็นปลาตัวเล็กๆ สวยงามน่ารักมักว่ายน้ำรวมกันเป็นฝูงไปมาด้วยความรวดเร็ว
ลำตัวมีสีน้ำตาลปนเขียว มีแถบยาวตามลำตัว 4 แถบคล้ายลายของม้าลาย มันจึงถูก
เรียกว่า ปลาม้าลาย ปลาชนิดนี้มีขนาดโตเต็มที่ ประมาณ 5-6 ซม. เท่านั้น ปลาม้า
ลายตัวเมียค่อนข้างอ้วนป้อมกว่าตัวผู้
อุปนิสัย
ปลาที่มีขนาดเล็กมักจะว่องไว เพื่อความรวดเร็วในการ กินอาหารหรือหลบหลีกศัตรูปลาม้าลาย ก็เช่นเดียวกันเป็นปลาว่องไว เลี้ยงง่าย สามารถเลี้ยงรวมกับปลาอื่นๆได้ดีแต่ควรจะมีขนาดไม่แตกต่างกันมากนัก ปลาม้าลายเป็นปลา กินผิวน้ำ และชอบที่ซึ่งมีน้ำไหล
การเลี้ยงดู
ตู้เลี้ยงปลาม้าลายควรเป็นตู้ค่อนข้างกว้างพอพืชน้ำสามารถปลูกได้ เพราะปลาม้าลายกินสัตว์เล็กๆเป็นอาหาร พื้นตู้ควรรองด้วยกรวดทรายที่สะอาด แอร์ปั๊ม จะช่วย ให้ปลาม้าลายสดใส มีชีวิตชีวามากขึ้น อาหารที่ชอบ ได้แก่ ไรแดง ลูกน้ำ
อาหารเม็ดลอยน้ำ เป็นต้น
สร้างปลาม้าลายเรืองแสงได้อย่างไร
ปลาม้าลายเรืองแสงเกิดการใช้เทคนิคพันธุวิศวกรรม
(genetic engineering) นำยีนที่ได้จากแมงกะพรุน
หรือดอกไม้ทะเลชนิดพิเศษ ซึ่งควบคุมการสร้างโปรตีนที่เรืองแสง
ได้เองตามธรรมชาติในตัวสิ่งมีชีวิตนั้นๆ
หากได้รับการกระตุ้นด้วยช่วงความยาวคลื่นแสงที่เหมาะสม
ไปใส่ไว้ในสายของดีเอ็นเอที่ทำหน้าที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม
ของปลาม้าลายจึงทำให้ปลาม้าลายซึ่งปกติมีลักษณะใสและไม่เรืองแสง
เปลี่ยนแปลงลักษณะกลายไปเป็นปลาม้าลายที่เรืองแสงได้
เช่นเดียวกับแมงกะพรุนหรือดอกไม้ทะเลที่เป็นเจ้าของดีเอ็นเอนั้นๆ
เมื่อฉีดดีเอ็นเอควบคุมการสร้างโปรตีนเรืองแสงเข้าใน
เซลล์ไข่ของปลาม้าลาย และคัดเลือกด้วยวิธีการที่เหมาะสม
ตัวอ่อนส่วนหนึ่งจะพัฒนาจนเป็นปลาม้าลายเรืองแสง (ขวาสุด)
ซึ่งแตกต่างจากปลาม้าลายทั่วไป (ซ้ายสุด)
โปรตีนเรืองแสงสีเขียวในแมงกะพรุน และโปรตีนเรืองแสงสีแดงในดอกไม้ทะเล
เป็นแหล่งกำเนิดของแสงสีต่างๆ ในปลาม้าลายเรืองแสงที่สร้างขึ้น
การเรืองแสงของปลาม้าลายเกิดขึ้นได้อย่างไร
การเรืองแสงเกิดจากการยีนหรือดีเอ็นเอที่ใส่เข้าไปในปลาม้าลายนั้น
สร้างโปรตีนชนิดหนึ่งขึ้น โปรตีนดังกล่าวเมื่อได้รับการกระตุ้นด้วยแสง
ในช่วงความยาวคลื่นที่เหมาะสม จะปล่อยแสงอีกช่วงคลื่นหนึ่งออกมา เช่น
เมื่อได้รับแสง UV แล้วจะปล่อยแสงสีเขียวออกมา เป็นต้น ดังนั้น
เราจึงสามารถทำให้ปลาม้าลายเรืองแสงได้ด้วยการฉายแสงที่มีความยาวคลื่น
ที่เหมาะสมไปที่ปลาเหล่านี้ สำหรับสีที่แตกต่างกันนั้น
ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของโปรตีนดังกล่าวที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย
โดยที่ความแตกต่างดังกล่าวเป็นกระบวนการที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ในห้องทดลอง
สร้างปลาม้าลายเรืองแสงเพื่อประโยชน์อะไร
ปลาม้าลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์นิยมใช้เป็นต้นแบบ (model)
ในการศึกษาพัฒนาการของตัวอ่อนสัตว์มีกระดูกสันหลังและลักษณะต่างๆ
ทางพันธุศาสตร์ สำหรับปลาม้าลายเรืองแสงนั้น
สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์
นำโดย ดร. ซีหยวน กง (Dr. Zhiyuan Gong)
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ปลาม้าลายเรืองแสงเหล่านี้เป็นตัวชี้วัด (indicator)
ปริมาณสารพิษ (toxin) หรือสภาพความเป็นพิษของแหล่งน้ำ
โดยเป้าหมายในขั้นสุดท้ายที่ต้องการก็คือ
ปลาม้าลายที่จะเรืองแสงก็ต่อเมื่อมีสารพิษปะปนอยู่ในแหล่งน้ำนั้น
โครงสร้างจำเพาะของโปรตีนเรืองแสง เป็นตัวกำหนดแสงสีต่างๆ ของปลาม้าลายเรืองแสง
แต่เพื่อเป็นการพิสูจน์ความเป็นไปได้ของแนวคิด และทดสอบกระบวนการต่างๆ
ที่จำเป็นต้องใช้ในการสร้างปลาม้าลายลักษณะพิเศษจำเพาะดังกล่าว
จึงต้องมีการสร้างปลาม้าลายที่เรืองแสงตลอดเวลาขึ้นก่อน
ซึ่งก็ทำให้ได้ปลาม้าลายเรืองแสงที่มีลักษณะสวยงาม
และเป็นที่ต้องการของผู้เลี้ยงปลาสวยงาม นอกจากกลุ่มของนักวิจัยชาวสิงคโปร์แล้ว
กลุ่มนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันก็ประสบความสำเร็จในการสร้าง
ปลาม้าลายเรืองแสงสีเขียว (ในชื่อ TK-1) เช่นกัน
และไต้หวันเป็นประเทศแรกที่อนุญาตให้มีการจำหน่าย
ปลาม้าลายเรืองแสงดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2546
อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
มีการจำหน่ายปลาม้าลายเรืองแสงสีแดงในชื่อ โกลฟิช (GloFish)
เป็นครั้งแรกในประเทศสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม 2547 โดยก่อนหน้านั้น
มีการทดลองเพื่อตรวจสอบประเมินความเสี่ยงอย่างเข้มงวด
เป็นเวลานานกว่า 2 ปี จนในที่สุด องค์การอาหารและยา
(Food and Drug Administration, FDA) ของประเทศสหรัฐฯ
ก็อนุญาตให้จำหน่ายได้ โดยระบุชัดเจนว่า
“ไม่มีหลักฐานว่าปลาม้าลายดังกล่าวมีอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
มากกว่าปลาม้าลายทั่วไปแต่อย่างใด”
จึงอาจนับได้ว่า ปลาม้าลายเรืองแสงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนตัวอย่างหนึ่ง
ในการประยุกต์ใช้ประโยชน์อย่างหลากหลายแนวทางจากปลาดัดแปลงพันธุกรรม
ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การปกป้องสิ่งแวดล้อม
การใช้เป็นสัตว์เลี้ยงสวยงาม ตลอดไปจนถึงการใช้เป็นสื่อการเรียนรู้
เพื่อดึงดูดให้เยาวชนหันมาสนใจเรื่องทางวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก http://pirun.ku.ac.th/~g5174004/index.htm