ชื่อไทย | กดหิน แขยงหิน |
ชื่อสามัญ | SIAMESE ROCK CATFISH |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Leiocassis siamensis |
ถิ่นอาศัย | อยู่ตามลำธาร เช่น บริเวณปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ แม่น้ำวัง จังหวัดลำปาง แม่น้ำแม่กลอง จังหวัดราชบุรี ฯลฯ |
ลักษณะทั่วไป | ลำตัวค่อนข้างยาว ไม่มีเกล็ด หัวแบนราบลงเล็กน้อย ตามีผิวหนังใสปิดคลุม มีฟันซี่แหลมเล็กๆ อยู่บนขากรรไกร และเพดานปาก มีหนวด 4 คู่ มีรูจมูกข้างละหนึ่งคู่ แต่ละคู่อยู่ห่างจากกัน ครีบหลังและครีบหูมีหนามแหลม ลำตัวมีพื้นสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน มีแถบดำหรือน้ำตาลเข้มพาดขวางลำตัว แถบที่ว่านี้จะมีขนาดโตกว่าช่วงสีพื้นของลำตัว ขนาดและที่ตั้งของแถบเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามขนาดและอายุของปลา |
การสืบพันธุ์ | - |
อาหารธรรมชาติ | กินลูกปลา ลูกกุ้ง และสัตว์น้ำที่มีขนาดเล็ก |
การแพร่กระจาย | - |
สถานภาพ (ความสำคัญ) | นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม |
ที่มาของข้อมูล : กรมประมง |
บุญลาภฟาร์ม จำหน่าย พันธุ์ปลาน้ำจืดทุกชนิด พันธุ์ปลาดุก พันธุ์ปลานิล พันธุ์ปลาทับทิม พันธุ์ปลาสวาย พันธุ์ปลาบึก พันธุ์ปลาตะเพียน ปลาไซด์ใหญ่ บ่อตกปลา ส่งทุกที่-มีทุกพันธุ์ 081-3057577 farm-fish@hotmail.com **** 46ม.7ต.ท่าข้ามอ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ****
พันธุ์ปลาดุก ขนาด(2-3)นิ้ว
พันธุ์ปลาดุก ขนาด(3-4)นิ้ว
พันธุ์ปลาดุก ขนาด(4-5)นิ้ว
พันธุ์ปลานิล
พันธุ์ปลาทับทิม
พันธุ์ปลาสวาย
ปลาสวายลงบ่อตก
กุ้งก้ามกราม
พันธุ์ปลาแรด
พันธุ์ปลาหมอไทย
พันธุ์ปลาจาระเม็ดน้ำจืด
พันธุ์ปลาจีน
พันธุ์ปลาตะเพียน
พันธุ์ปลายี่สก
พันธุ์ปลาจระเข้
พันธุ์ปลาไน
พันธุ์ปลาบึก
ปลาบึกลงบ่อตก
วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
SIAMESE ROCK CATFISH กดหิน, แขยงหิน
วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
LONG-FATTY FINNED MYSTUS แขยงใบข้าว
ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
http://www.ku.ac.th/AgrInfo/thaifish/fresh/afwindex.html
จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
http://www.ku.ac.th/AgrInfo/thaifish/fresh/afwindex.html
ป้ายกำกับ:
แขยงใบข้าว
วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
HALF-BEAK, WRESTLING HALF-BEAK เข็ม
ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
http://www.ku.ac.th/AgrInfo/thaifish/fresh/afwindex.html
จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
http://www.ku.ac.th/AgrInfo/thaifish/fresh/afwindex.html
ป้ายกำกับ:
เข็ม
BOCOURT'S RIVER CATFISH แขยงธง
ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
http://www.ku.ac.th/AgrInfo/thaifish/fresh/afwindex.html
จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ป้ายกำกับ:
แขยงธง
IRIDESCENT MYSTUS แขยงข้างลาย
ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
http://www.ku.ac.th/AgrInfo/thaifish/fresh/afwindex.html
จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
http://www.ku.ac.th/AgrInfo/thaifish/fresh/afwindex.html
ป้ายกำกับ:
แขยงข้างลาย
FRESHWATER GARFISH, ROUND-TAIL GARFISH เข็มแม่น้ำ, กระทุงเหวเมือง, กระทุงเหว
ชื่อไทย | กะทุงเหว เข็มแม่น้ำ กะทุงเหวเมือง |
ชื่อสามัญ | Round - tail garfish , Freshwater garfish |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Xenentodon cancila (Buchanan) |
ถิ่นอาศัย | - |
ลักษณะทั่วไป | ปลากะทุงเหวเป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก มีความยาวประมาณ 10 - 25 เซนติเมตร จากการรายงานของ Smith (1945) ขนาดใหญ่ที่สุดที่พบความยาว 32 เซนติเมตร รูปร่างยาวเรียวทรงกระบอก ลำตัวกลมรูปไข่ จะงอยปากยื่นยาว ปากบนและล่างมีฟันแหลมคมซี่เล็ก ๆ เรียงเป็นแถว ครีบอกใหญ่ ครีบท้องเล็ก ครีบหลังและครีบก้นอยู่ใกล้ครีบหางซึ่งตั้งอยู่ตรงกันข้ามกันเกือบจะเป็นเส้นตรง มีตำแหน่งที่ตั้งอยู่ประมาณส่วนที่ 4 ของความยาวลำตัวจากส่วนหัวไปยังส่วนหาง ครีบหางตัดตรงเว้าเล็กน้อยและเห็นได้ชัดเนื่องจากมีลักษณะเป็นสันแข็ง ตรงส่วนท้ายมีเกล็ดแบบโค้งมนปลายแหลม (ctenoid) เรียงซ้อนทับกันเป็นระเบียบ คล้ายการปูกระเบื้องหลังคาโบสถ์ ในตัวผู้มีส่วนหลังยกสูงที่บริเวณต่อจากท้ายทอยและเป็นสันมีสีแดง ตัวมีสีเหลืองอ่อนหรือขุ่น ด้านบนมีสีเขียวอ่อน ด้านข้างลำตัวมีสีเงินและมีแถบสีคล้ำพาดขวางตามแนวยาวถึงโคนหาง ครีบใส จะงอยปากตอนปลายมีสีแดงเป็นแต้ม ด้านท้องสีขาว |
การสืบพันธุ์ | โดยการนำแม่พันธุ์ปลากะทุงเหวมาปล่อยในบ่อซีเมนต์ ปล่อยให้ผสมพันธุ์ มีวัสดุวางไข่ลักษณะไข่จะเป็นไข่จม สีเหลืองเข้ม ที่ผิวเปลือกไข่มีเส้นใยเล็ก ๆ จำนวนมาก หรือผสมพันธุ์โดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ (Controled natural method) |
อาหารธรรมชาติ | อาหารของปลากะทุงเหวในธรรมชาติ จะหากินด้วยการจับปลาขนาดเล็กหรือลูกปลาซึ่งมักจะว่ายเข้ามาเลี้ยงตัวในบริเวณใกล้ชายฝั่ง หรือที่มีน้ำค่อนข้างตื้น สำหรับในเขตน้ำจืดมักจะกินพวกลูกกุ้งหรือแมลงบางชนิด |
การแพร่กระจาย | เป็นปลาที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในเขตอบอุ่นและเขตร้อนในเกือบทุกภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะในแหล่งน้ำที่มีน้ำไหลสม่ำเสมอ ในทวีปเอเชียพบในประเทศไทย อินเดีย พม่า กัมพูชา มาเลเซีย เกาะสุมาตรา บอร์เนียว และสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังพบในแหล่งน้ำที่มีอุณหภูมิอบอุ่นเกือบตลอดปีของประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับประเทศไทยจะพบได้ทั่ว ๆ ไปในแถบปากน้ำสมุทรปราการ แม่น้ำแม่กลอง ท่าจีน ท่าฉลอม รวมถึงแหล่งน้ำต่าง ๆ ในภาคตะวันออก ได้แก่ แม่น้ำเวฬุ จังหวัดจันทบุรี รวมทั้งในเขตภาคใต้ เช่น ในทะเลสาบสงขลา แม่น้ำตาปี จังหวัด สุราษฎร์ธานี สำหรับในแหล่งน้ำจืดพบได้ทั่วไปในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำสาขาตั้งแต่ภาคเหนือจนมาถึงภาคกลางในหลาย ๆ จังหวัด |
สถานภาพ (ความสำคัญ) | เป็นปลาเศรษฐกิจ |
ที่มาของข้อมูล : กรมประมง |
ป้ายกำกับ:
กระทุงเหว,
กระทุงเหวเมือง,
เข็มแม่น้ำ
วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
COMMON CLIMBING PERCH หมอไทย, หมอ, สะเด็ด, เข็ง
ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
http://www.ku.ac.th/AgrInfo/thaifish/fresh/afwindex.html
จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
http://www.ku.ac.th/AgrInfo/thaifish/fresh/afwindex.html
WAANDER'S BONY LIPPED BARB ร่องไม้ตับ, ข้างลาย
ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ป้ายกำกับ:
ข้างลาย,
ร่องไม้ตับ
RED-CHEEK BARB แก้มช้ำ, ขาวสมอปุก, ปก, ปกส้ม, ลาบก, หางแดง
ชื่อไทย | แก้มช้ำ ขาวสมอมุก ปก ปกส้ม ลาบก หางแดง |
ชื่อสามัญ | RED - CHEEK BARB |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Systomus orphoides |
ถิ่นอาศัย | พบทั่วไปตามแหล่งน้ำไหลและน้ำนิ่ง ในแม่น้ำลำคลอง หนองและบึง มีชื่อเรียกแตกต่างเป็นหลายชื่อตามท้องถิ่นที่พบ เช่น ภาคกลางเรียกปลาแก้มช้ำ ภาคใต้เรียกปลาลาบก ภาคเหนือเรียกปลาปก ส่วนชื่อปลาขาวสมอมุก เรียกกันในแถบภาคอีสาน |
ลักษณะทั่วไป | รูปร่างคล้ายปลาตะเพียนแต่ป้อมกว่า ลำตัวแบนข้างเล็กน้อย หัวเล็ก ปากค่อนข้างเล็กและอยู่ปลายสุด มีหนวดสั้นและเล็ก 2 คู่ที่ริมฝีปาก ครีบหลังค่อนข้างเล็ก ครีบหางเว้าแฉก มีเกล็ดค่อนข้างใหญ่ สีตามบริเวณลำตัวและส่วนหัวจะเป็นสีขาวเงิน หลังสีน้ำตาลอ่อน กระพุ้งแก้มมีแต้มสีส้มหรือแดงเรื่อ บริเวณหลังช่องเปิดเหงือกมีแถบสีดำ ครีบหลัง ครีบก้นครีบท้องสีแดงเรื่อ ครีบหางสีแดงสดจะมีแถบสีคล้ำทั้งขอบบนและล่าง ที่โคนหางมีจุดกลมสีคล้ำ |
การสืบพันธุ์ | สามารถเพาะพันธุ์โดยการฉีดฮอร์โมน หลังฉีดปลา 3 ชั่วโมง ปลาตัวผู้จะเริ่มคลอเคลียตัวเมีย จึงจับมาทำการผสมเทียมแบบแห้ง แล้วนำไปฟักโดยให้เกาะติดพันธุ์ไม้น้ำหรือรังเทียม จะใช้เวลาฟักเป็นตัวประมาณ 20 - 22 ชั่วโมง หรือเพาะโดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ โดยฉีดฮอร์โมนแล้วปล่อยให้ผสมกันเอง ซึ่งตัวเมียจะเริ่มวางไข่หลังฉีดฮอร์โมน 5 - 6 ชั่วโมง ไข่มีลักษณะกลม เป็นไข่ติด สีเหลืองใส |
อาหารธรรมชาติ | กินแมลง ซากพืชและสัตว์ที่เน่าเปื่อย |
การแพร่กระจาย | - |
สถานภาพ (ความสำคัญ) | เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ |
ที่มาของข้อมูล : กรมประมง |
วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
RED-CHEEK BARB แก้มช้ำ, ขาวสมอปุก, ปก, ปกส้ม, ลาบก, หางแดง
ชื่อไทย | แก้มช้ำ ขาวสมอมุก ปก ปกส้ม ลาบก หางแดง |
ชื่อสามัญ | RED - CHEEK BARB |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Systomus orphoides |
ถิ่นอาศัย | พบทั่วไปตามแหล่งน้ำไหลและน้ำนิ่ง ในแม่น้ำลำคลอง หนองและบึง มีชื่อเรียกแตกต่างเป็นหลายชื่อตามท้องถิ่นที่พบ เช่น ภาคกลางเรียกปลาแก้มช้ำ ภาคใต้เรียกปลาลาบก ภาคเหนือเรียกปลาปก ส่วนชื่อปลาขาวสมอมุก เรียกกันในแถบภาคอีสาน |
ลักษณะทั่วไป | รูปร่างคล้ายปลาตะเพียนแต่ป้อมกว่า ลำตัวแบนข้างเล็กน้อย หัวเล็ก ปากค่อนข้างเล็กและอยู่ปลายสุด มีหนวดสั้นและเล็ก 2 คู่ที่ริมฝีปาก ครีบหลังค่อนข้างเล็ก ครีบหางเว้าแฉก มีเกล็ดค่อนข้างใหญ่ สีตามบริเวณลำตัวและส่วนหัวจะเป็นสีขาวเงิน หลังสีน้ำตาลอ่อน กระพุ้งแก้มมีแต้มสีส้มหรือแดงเรื่อ บริเวณหลังช่องเปิดเหงือกมีแถบสีดำ ครีบหลัง ครีบก้นครีบท้องสีแดงเรื่อ ครีบหางสีแดงสดจะมีแถบสีคล้ำทั้งขอบบนและล่าง ที่โคนหางมีจุดกลมสีคล้ำ |
การสืบพันธุ์ | สามารถเพาะพันธุ์โดยการฉีดฮอร์โมน หลังฉีดปลา 3 ชั่วโมง ปลาตัวผู้จะเริ่มคลอเคลียตัวเมีย จึงจับมาทำการผสมเทียมแบบแห้ง แล้วนำไปฟักโดยให้เกาะติดพันธุ์ไม้น้ำหรือรังเทียม จะใช้เวลาฟักเป็นตัวประมาณ 20 - 22 ชั่วโมง หรือเพาะโดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ โดยฉีดฮอร์โมนแล้วปล่อยให้ผสมกันเอง ซึ่งตัวเมียจะเริ่มวางไข่หลังฉีดฮอร์โมน 5 - 6 ชั่วโมง ไข่มีลักษณะกลม เป็นไข่ติด สีเหลืองใส |
อาหารธรรมชาติ | กินแมลง ซากพืชและสัตว์ที่เน่าเปื่อย |
การแพร่กระจาย | - |
สถานภาพ (ความสำคัญ) | เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ |
ที่มาของข้อมูล : กรมประมง |
STRIPED TIGER NANDID หมอช้างเหยียบ, หมอโค้ว, ก๋า
ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ป้ายกำกับ:
ก๋า,
หมอโค้ว,
หมอช้างเหยียบ
COMMON ARCHER FISH เสือพ่นน้ำ, เสือ, ขมังธนู
ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ป้ายกำกับ:
ขมังธนู,
เสือ,
เสือพ่นน้ำ
วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
GLASS SHEATFISH ก้างพระร่วง
ชื่อไทย | ก้างพระร่วง |
ชื่อสามัญ | GLASS SHEATFISH |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Kryptopterus bichirris |
ถิ่นอาศัย | พบตามแหล่งน้ำไหล บริเวณแนวร่มไม้ชายน้ำ ในภาคกลางพบที่ จ . นครนายก จันทบุรีและตราด ทางภาคใต้พบที่ จ . สุราษฎร์ธานี |
ลักษณะทั่วไป | ขนาดเล็ก ไม่มีเกล็ด ลำตัวยาวเรียว ด้านข้างแบน หัวมีขนาดเล็ก จะงอยปากสั้น ตากลมโต มีหนวด 2 คู่ ไม่มีครีบหลัง ขนาดความยาวไม่เกิน 15 ซม . เนื้อของปลาชนิดนี้โปร่งแสงทำให้เห็นก้างอย่างชัดเจน เฉพาะส่วนหัวและกระเพาะอาหารทึบแสง |
การสืบพันธุ์ | - |
อาหารธรรมชาติ | หากินรวมกันเป็นฝูง กินแมลง ตัวอ่อนแมลง ลูกน้ำ และสัตว์น้ำขนาดเล็ก |
การแพร่กระจาย | - |
สถานภาพ (ความสำคัญ) | นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม |
ที่มาของข้อมูล : กรมประมง |
ป้ายกำกับ:
ก้างพระร่วง
RED-TAILED SNAKEHEAD ก้าง
ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ป้ายกำกับ:
ก้าง
RED-FINNED BLACK SHARK กาแดง, สร้อยหลอด
นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม และส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศด้วย
ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
GREATER BLACK SHARK กา, เพี้ย
ชื่อไทย | กา เพี้ย |
ชื่อสามัญ | GREATER BLACK SHARK |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Morulius chrysophekadion |
ถิ่นอาศัย | แหล่งน้ำที่มีระดับน้ำตื้น ๆ และมีพรรณไม้น้ำ |
ลักษณะทั่วไป | รูปร่างค่อนข้างป้อม ส่วนหัวเล็ก ลำตัวแบนข้างเล็กน้อย สันหลังโค้งสูง ส่วนท้องแบน ปากอยู่ในแนวเดียวกับสันท้อง ยืดหดได้ และมีลักษณะแบบปากดูด ริมฝีปากบนและล่างเป็นหยัก มีติ่งเนื้อเป็นฝอยสั้น ๆ อยู่รวมกันเป็นกระจุก มีหนวดค่อนข้างยาว 2 คู่ ครีบหลังมีขนาดใหญ่และสูงมากไม่มีก้านครีบแข็ง ครีบท้องยาวจดตอนต้นของครีบก้น ครีบหางเว้าลึก ตาเล็ก สีของลำตัวมีตั้งแต่ม่วงแก่ไปจนถึงดำเข้ม เกล็ดทุกเกล็ดมีจุดสีเหลืองจาง ๆ อยู่ตรงกลาง ครีบสีดำทั้งสิ้น ด้านท้องสีจาง |
การสืบพันธุ์ | - |
อาหารธรรมชาติ | กินตะไคร่น้ำ พืชน้ำขนาดเล็ก แพลงก์ตอน ซากพืชและตัวอ่อนแมลงน้ำ |
การแพร่กระจาย | - |
สถานภาพ (ความสำคัญ) | เป็นปลาสวยงามที่ส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ |
ที่มาของข้อมูล : กรมประมง |
SIAMESE FIGHTING FISH, BETTA กัด, กัดจีน
ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

SOLDIER CROAKER ม้า, กวาง
ชื่อไทย | ม้า กวาง |
ชื่อสามัญ | SOLDIER CROAKER |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Boesmania microlepis |
ถิ่นอาศัย | แหล่งน้ำจืดพบมากแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสุพรรณบุรี แม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่จังหวัดนนทบุรีจนถึงชัยนาท ภาคอีสานจับได้น้อย จากแม่น้ำโขงเรียกว่า “ ปลากวาง ” |
ลักษณะทั่วไป | เป็นปลาน้ำเค็มที่เข้ามาอยู่ในน้ำจืดเป็นครั้งคราว มีรูปร่างเรียวยาว ลำตัวด้านข้างแบนหางซึ่งเป็นบริเวณตั้งแต่รูก้นไปถึงปลายหางยาวเรียว หัวค่อนข้างเล็ก หน้างอนขึ้นเล็กน้อย จะงอยปากสั้นทู่ ปากเล็กและอยู่คล้อยไปทางใต้ส่วนหัว นัยน์ตาค่อนข้างเล็ก มีเกล็ดขนาดเล็กที่หัวและ ลำตัว ครีบหลังยาว ส่วนปลายครีบจรดโคนหาง ครีบหูเล็กปลายแหลม ครีบท้องอยู่ใกล้อกมีก้านแข็งยืดยาวออกมาเป็นปลายแหลม ครีบหางยาวปลายแหลม พื้นลำตัวสีน้ำตาลปนเทาหรือสีเขียวอ่อนหลังสีเทาปนดำ ท้องสีขาวเงินครีบต่างๆ สีน้ำตาลหรือเหลืองอ่อน ปลาม้ามี คุณสมบัติพิเศษที่สามารถทำเสียงได้ เนื่องจากมีกระเพาะลมขนาดใหญ่แข็งแรงและมีกล้ามเนื้อยึดติดกับลำตัว การทำงานของกล้ามเนื้อนี้อย่างรวดเร็วทำให้เกิดเสียง |
การสืบพันธุ์ | การผสมพันธุ์วางไข่มักเกิดในช่วง 18.00 - 20.00 น . โดยพ่อแม่ปลาที่มีความสมบูรณ์พร้อมที่จะวางไข่จะจับคู่ว่ายคลอเคลียบริเวณก้นบ่อประมาณ 30 นาที ก่อนที่ตัวเมียจะปล่อยไข่ผสมกับ น้ำเชื้อตัวผู้ ระยะเวลาในการวางไข่แต่ละครั้งประมาณ 30 นาที ไข่เป็นแบบไข่ลอย ลักษณะกลม สีเหลืองใสเป็นประกาย มีหยดน้ำมันขนาดใหญ่ 1 หยด |
อาหารธรรมชาติ | กินพวกกุ้ง |
การแพร่กระจาย | - |
สถานภาพ (ความสำคัญ) | เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ |
ที่มาของข้อมูล : กรมประมง |
STRIPED CROAKING GOURAMI กริมข้างลาย, กัดป่า
นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม
จัดเตรียมโดย : ประวิทย์ สุรนีรนาถ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ป้ายกำกับ:
กริมข้างลาย,
กัดป่า
SPOTTED FEATHERBACK กราย, หางแพน, ตองกราย
ชื่อไทย
ที่มา : กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
SCHWANENFELD'S TINFOIL BARB กระแหทอง, กระแห, ตะเพียนหางแดง, เลียนไฟ, ลำปำ
ชื่อไทย กะแหทอง กะแห ตะเพียนหางแดง เลียนไฟ ลำปำ
ชื่อสามัญ SCHWANENFELD''S TINFOIL BARB
ชื่อวิทยาศาสตร์ Barbodes schwanenfeldi
ถิ่นอาศัย พบตามแม่น้ำลำคลองหนองบึงทั่วทุกภาค ทำให้มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามภาษาท้องถิ่น เช่น พบในภาคกลางเรียก กระแห ตะเพียนหางแดง หรือกระแหทอง ทางภาคใต้เรียกปลาลำปำ ส่วนภาคอีสานเรียก ปลาเลียนไฟ
ลักษณะทั่วไป รูปร่างป้อมสั้น ลำตัวแบนข้าง หัวมีขนาดเล็ก จะงอยปากสั้นทู่ นัยน์ตาเล็ก ปากเล็กและอยู่ปลายสุด หนวดเล็กและสั้นมี 2 คู่ เกล็ดมีขนาดใหญ่ ครีบหางใหญ่ ปลายเป็นแฉกลึก กระโดงหลังสูงกว้างมีก้านครีบเดียวที่แข็งและขอบหยักเป็นฟันเลื่อยอยู่อันหนึ่ง สีพื้นของลำตัวเป็นสีขาวเงินหรือสีเหลืองปนส้ม ด้านหลังสีเทาปนเขียว กระโดงหลังสีแดงและมีแถบดำที่ปลายกระโดง ขอบบนและล่างของครีบหาง มีแถบสีดำข้างละแถบ
การสืบพันธุ์ -
อาหารธรรมชาติ กินพืชพรรณไม้น้ำ ตัวอ่อนแมลงน้ำ ซากสัตว์และพืชที่เน่าเปื่อย
การแพร่กระจาย -
สถานภาพ (ความสำคัญ) เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ
ที่มาของข้อมูล : กรมประมง

ที่มาของข้อมูล : กรมประมง
ป้ายกำกับ:
กระแห,
กระแหทอง,
ตะเพียนหางแดง,
ลำปำ,
เลียนไฟ
SIAMESE GIANT CARP กระโห้, กะมัน, หัวมัน
ชื่อไทย | กระโห้ กะมัน หัวมัน |
ชื่อสามัญ | SIAMESE GIANT CARP |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Catlocarpio siamensis |
ถิ่นอาศัย | เคยมีอยู่ชุกชุมในลุ่มแม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงบึงบอระเพ็ด ในปัจจุบันมีปริมาณน้อยลงมาก แต่ก็ยังมีปรากฏให้พบเห็นอยู่บ้างในลำน้ำโขง ชาวบ้านแถบนั้นเรียกชื่อปลานี้ว่า ปลากะมัน หรือหัวมัน |
ลักษณะทั่วไป | เป็นปลาน้ำจืดชนิดมีเกล็ดที่มีขนาดใหญ่สุดในโลกชนิดหนึ่ง ลำตัวค่อนข้างป้อมแบนข้าง ส่วนของลำตัวบริเวณถัดจากช่องเปิดเหงือกโค้งเป็นสันนูนขึ้นมา หัวโต ความยาวของหัวจะประมาณหนึ่งในสามของลำตัว ไม่มีหนวด ปากกว้าง ตาเล็ก ขอบฝาปิดเหงือกมนกลมและใหญ่กว่าปลาชนิดอื่น ๆ ครีบหลัง ครีบหางใหญ่ มีฟันในลำคอหนึ่งแถว เกล็ดกลมมนขอบเรียบ ขนาดของเกล็ดขึ้นอยู่กับขนาดของปลา เหงือกมีซี่กรองยาวและถี่มาก ตัวมีสีคล้ำอมน้ำเงิน หรือมีสีน้ำตาลเข้ม ครีบมีสีแดงเรื่อ ด้านท้องสีจาง ในเอกสารทางวิชาการรายงานว่าปลากระโห้ขนาดใหญ่ เกล็ดมีความยาวถึง 6.8 ซม . ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับฝ่ามือ |
การสืบพันธุ์ | เพาะพันธุ์โดยการฉีดฮอร์โมน แล้วผสมเทียมแบบแห้ง ปลากระโห้จะมีระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเพาะพันธุ์สั้นมาก |
อาหารธรรมชาติ | กินแพลงก์ตอนและพรรณไม้น้ำ |
การแพร่กระจาย | - |
สถานภาพ (ความสำคัญ) | เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ |
ที่มาของข้อมูล : กรมประมง |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)